พระพุทธสิหิงค์ ในหอพระสิหิงค์ นครศรีธรรมราช กับที่วัดพระสิงค์ เชียงไหม่ องค์ไหนมาจากลังกา ?
????????????????????????
ทั้ง ๒ องค์นี้ รวมทั้งองค์ที่ กทม.ไม่น่าจะมาจากลังกาทั้งนั้นครับผม
ผมเขียนอย่างย่อในตามรอยธรรมที่เมืองนครไว้อย่างนี้
"หอพระสิหิงค์ ๑ ใน ๓ องค์สำคัญของชาติที่เหลือบทบาทเพียงเพื่อร้องขอหรือสาบานของคนขึ้นศาล ทั้งที่จริงแล้วทั้ง ๓ องค์ที่มีประวัติตำนานผ่านนครศรีธรรมราช สุโขทัย กำแพงเพชร อยุธยา เชียงราย เชียงใหม่ และ กรุงเทพมหานคร จนลงเอยเป็น ๓ องค์สำคัญ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ และ กรุงเทพ นั้นเคยมีสถานะเป็นเสมือนสัญลักษณ์สำคัญแห่งเอกราชอาณาจักร บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา"
แต่ขอตอบอย่างยาวอีกนิดดังนี้นะครับ
![]() |
พระสิหิงค์ นครศรีธรรมราช |
๑) พระพุทธสิหิงค์องค์เมืองนครนี้ เป็นหนึ่งใน ๓ องค์สำคัญของชาติ ในขณะที่ยังมีอีกนับสิบ ๆ องค์ในท้องถิ่นจังหวัดและวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
๒) ตำนานที่ใช้อ้างอิงอย่างกว้างขวางที่สุดคือ "สิหิงคนิทาน" แต่งโดยพระโพธิรังสีมหาเถระแห่งวัดโพธารามหรือวัดเจ็ดยอดแห่งล้านนา เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๐๐๐ มีความโดยย่อว่าสร้างขึ้นในลังกาเมื่อ พ.ศ.๗๐๐ ด้วยหมายให้ละม้ายเหมือนพระพุทธองค์ให้มากที่สุด เมื่อพ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัยทราบกิตติศัพท์ ได้ขอให้พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชแห่งนครศรีธรรมราชขอมาได้ มีการจำลองไว้ที่นครองค์หนึ่งก่อนที่จะอัญเชิญสู่กรุงสุโขทัย
จนสุโขทัยตกอยู่ในอาณัติของอยุธยา พระเจ้าไสยลือไทยได้อัญเชิญมาที่พิษณุโลกจนสิ้นพระชนม์ พระบรมราชาธิราชที่ ๑ จึงอัญเชิญสู่อยุธยา ต่อมาพญายุธิษเฐียรแห่งกำแพงเพชรขอให้มารดาซึ่งตกเป็นชายาของพระบรมราชาธิราชที่ ๑ ทูลขอเอาไปไว้ที่กำแพงเพชร ที่นั่นมีผู้จำลองด้วยขี้ผึ้งไปถึงเชียงราย ท้าวมหาพรหมแห่งเชียงรายอยากได้ จึงชวนพระเจ้ากือนาเชียงใหม่มาขู่ขอไปไว้ที่เชียงราย ก่อนที่เชียงใหม่และเชียงรายจะรบกัน พระเจ้าแสนเมืองมาแห่งเชียงใหม่จึงอัญเชิญไปถึงเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.๑๙๕๐ จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตีเมืองเชียงใหม่ได้ในปี พ.ศ.๒๒๐๕ ได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา ครั้นเสียกรุงครั้งที่ ๒ ทางเชียงใหม่ซึ่งอยู่ฝ่ายพม่า ได้อัญเชิญกลับไปจนกระทั่งรัชกาลที่ ๑ อัญเชิญมายังกรุงเทพ ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธศวรรย์มาถึงทุกวันนี้ ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย
ในขณะที่ทางเชียงใหม่ กล่าวกันว่าได้จำลองมอบให้ไปแต่เก็บรักษาองค์จริงไว้ ทุกวันนี้ประดิษฐานอยู่ในหอพระสิหิงห์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เช่นเดียวกับองค์ที่นครที่มีการกล่าวในทำนองเดียวกันว่าเก็บองค์จริงไว้ จำลองให้พ่อขุนรามไป โดยเก็บรักษาในหอพระของจวนเจ้าเมืองซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นศาลากลางจังหวัด พร้อมกับสร้างเป็นหอพระพุทธสิหิงค์ถึงทุกวันนี้และน่าเสียดายที่ดูเหมือนจะเหลือบทบาทเดียวคือ เป็นที่สาบานตนรวมทั้งบนบานในการขึ้นศาลเมื่อมีคดีความ
![]() |
พระสิหิงค์ เชียงไหม่ |
๓) ไม่อาจสรุปได้ว่าองค์ไหนคือองค์ดั้งเดิมจากลังกาตามตำนานสิหิงคนิทาน
แต่จากการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะ มีข้อพิจารณาดังนี้
ก.ไม่มีตำนานเรื่องนี้ทางฝ่ายลังกา รวมทั้งไม่มีพระพุทธสิหิงค์ดั้งเดิมที่ลังกาเลย มีแต่ที่คนไทยเพิ่งนำไปถวายในภายหลัง ผมกับแม่และน้าก็เคยนำไปถวายไว้องค์หนึ่งเมื่อคราวไปแสวงบุญกันที่นั่น
ข.พระพุทธสิหิงค์ทั้ง ๓ องค์หลัก มีลักษณะตามศิลปะของท้องถิ่น คือ องค์เมืองนครเป็นปางมารวิชัย ลักษณะขนมต้มเมืองนคร องค์เชียงใหม่ก็เป็นปางมารวิชัย ลักษณะแบบพระสิงห์เชียงแสน องค์กรุงเทพเป็นปางสมาธิ ศิลปอย่างสุโขทัย-อยุธยา ทั้งนี้พระพุทธรูปฝ่ายลังกานิยมปางสมาธิ พบปางมารวิชัยน้อยมาก ส่วนองค์อื่น ๆ นับสิบ ๆ องค์ที่มีในเมืองไทยนั้นมีศิลปะและปางแตกต่างกันไป เชื่อว่าสร้างทำกันในแต่ละท้องถิ่นด้วยคตินิยมร่วม หรือไม่ก็เป็นองค์ต้นแบบของแต่ละท้องถิ่นตามคตินิยมร่วม
![]() |
พระสิหิงค์ กรุงเทพฯ |
ค.มีการศึกษาค้นคว้าตีความอีกมากมายหลายกระแส เช่น บ้างก็ว่าแท้จริงชื่อพระสิหิงค์มาจากคำมอญว่า สฮิงสแฮ แปลว่าสวยงาม บ้างว่าองค์ที่กรุงเทพนั้นคนหยิบเลือกเอาองค์ในหอพระที่เป็นปางสมาธิเพราะมีความรู้ว่าพระจากลังกาเป็นปางสมาธิ ในขณะที่องค์อื่น ๆ ของแต่ละท้องถิ่นก็มีตำนานท้องถิ่นว่าเป็นองค์แท้และดั้งเดิมทั้งสิ้น
![]() |
พระ toluvila ลังกา |
อธิษฐานพละของพระอรหันต์ อธิษฐานพละของเจ้าลังกา และศาสนพละของพระพุทธองค์ กระทำให้พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ทรงอานุภาพ ในตอนหนึ่งของสิหิงคนิทาน พระโพธิรังสี กล่าวว่า "พระพุทธสิหิงค์เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีปชัชวาล เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่"
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ผู้รวบรวมตำนานพระพุทธสิหิงค์ กล่าวถึงว่า "อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ถ้าได้มาจุดธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่งๆ มองดูองค์พระสัก ๑๐ นาที ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาดกลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน ผู้ที่หมดหวังจะกลับมีความหวัง"
![]() |
พระสิหิงค์ ราชภัฎ ภาพจากคุณอำนวย ทองทะวัย |
๕) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้สร้างพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ขึ้นประดิษฐานที่เชิงเขามหาชัย ผมได้เสนอแนะให้เป็นอุทยานและศูนย์การเรียนรู้พระพุทธสิหิงค์ ด้วยการประมวลรวบรวมพระพุทธสิหิงค์ต่างๆ จากทั่วทั้งประเทศมาประดิษฐานไว้พร้อมกับตำนานเรื่องราวทั้งหลาย รวมทั้งการพัฒนาประเพณีสรงน้ำสงกรานต์สำคัญขึ้น ณ ที่นี้
บัญชา / บ้านท่าวัง กทม.
๒๑ กค.๕๖